อยากเห็นผลเร็วขึ้น เมื่อเรามีเป้าหมาย
บล็อกนี้ก็จะคาบเกี่ยวกับบล็อกที่แล้วนิดหน่อยนะครับเพราะเราสามารถเอาประโยชน์เหล่านั้นมาตั้งเป็นเป้าหมายได้ คราวนี้จะมีอักษรภาษาอังกฤษอยู่ 5 ตัวที่จะมาช่วยกำหนดเป้าหมายของเราให้ชัดเจนขึ้น ก็จะมี S.M.A.R.T. Goalเห็นไหมแค่ชื่อตัวย่อก็บอกผลที่จะเกิดกับเรา เมื่อทำตามเป้าหมายสำเร็จ ฮ่าๆ
จริงๆแล้วหลักการนี้สามารถนำไปใช้กับเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากการออกกำลังกายก็ได้ เช่น การเรียน การทำงาน หรือการดำเนินชีวิตประจำวัน
เอิ่ม... เมื่อไรจะเข้าเรื่องสักที!?
😅
มาเริ่มที่ตัวเเรกเลยครับคือตัว S-Specific เป้าหมายมีความเฉพาะเจาะจง
>> ก็คือเป้าหมายของเราที่ต้องการนั่นแหละครับ แต่แค่ทำให้ชัดเจนขึ้น เฉพาะมากขึ้น เลือกมาเลยว่าเราอยากจะลดน้ำหนักไขมัน เพิ่มกล้ามเนื้อ หรือระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย สิ่งเหล่านี้็ส่วนใหญ่ก็มาจากประโยชน์ของการออกกำลังกายนั่นแหละครับ แต่เป้าหมายแค่ลดน้ำหนักก็ออกจะดูกว้างไป ลองทำให้มันชัดเจนขึ้นก็ใส่ตัวเลขที่เราจะลดไป เช่น ลดน้ำหนักไขมัน 2 กิโลกรัม หรือให้ระดับคอเลสตอรอลที่สูงอยู่ในเกณฑ์ปกติ
M-Measurable เป้าหมายสามารถวัดผลได้
>>เป้าหมายที่เราตั้งไว้นั้นสามารถวัดได้อย่างชัดเจนหรือไม่ เราอยากกล้ามโต อยากจะลดน้ำหนักไขมัน แล้วอะไรละที่เป็นตัวชี้วัด หรือเครื่องมือที่จะวัดว่าน้ำหนักคุณลด หรือกล้ามคุณใหญ่ขึ้น ถ้าเป้าหมายเหล่านั้นไม่สามารถวัดได้ชัดเจนก็อาจจะบ่งบอกได้ว่า เป้าหมายของคุณไม่เฉพาะเจาะจง แต่ถ้าลองเปลี่ยนเป็นเราจะลดน้ำหนัก 2 กิโลกรัม เรายังสามารถวัดจากเครื่องชั่งออกมาเป็นตัวเลขตามเป้าที่ตั้งไว้ หรือลดไขมันในร่างกาย โดยลดรอบเอวรอบสะโพกลง 1 นิ้ว
A-Attainable เป้าหมายสามารถทำให้บรรลุได้
>>เป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ไกลเกินความพยายามของเราที่ทำได้ คือต้องบอกเลยว่าอย่าไปให้เป้าหมายมันเวอร์เกินไป เช่นจะลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมใน1อาทิตย์ อันนี้ก็เกินไป แค่ 1 อาทิตย์ลดได้ 1 กิโลกรัมก็ถือว่าเก่งมากแล้ว และปลอดภัยต่อสุขภาพของเราด้วย (1เดือน ไม่ควรลดมากกว่า 4 กิโลกรัม นะจ๊ะ)
R-Relevant มีเกี่ยวข้องกับเป้าหมาย
>> จะเกี่ยวข้องกับวิธีการของเราสอดคล้องกับเป้าหมายหรือไม่ อยากจะลดน้ำหนัก 2 กิโลกรัม แต่เอาแต่เล่นเวทเทรนนิ่ง ไม่กำหนดการใช้พลังงานต่อวันหรือคาร์ดิโอ ไม่ว่าจะเป็นอยากจะวิ่งมาราธอนให้ได้ 42k แต่ใช้การฝึกส่วนใหญ่ไปกับการปั่นจักรยานตามระยะของเส้นทาง การฝึกอันนี้ก็จะไม่สอดคล้องกับการวิ่งมาราธอน ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องการฝึกเฉพาะเจาะจงกับกีฬานั้นๆ
T-Time-Bound กรอบเวลาของเป้าหมาย
>>เป้าหมายจะสำเร็จได้ต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจน ถ้ากรอบเวลามันนานไปเราก็จะเฉื่อยชา ยังไงก็ได้ ความท้าทายก็น้อย ผลที่ต้องการก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ากรอบเวลามันสั้นไปก็จะลิ้งเข้ากับหัวข้อที่กล่าวมาต้นๆ ที่มันไม่อยู่ในพื้นฐานความเป็นจริง ดังนั้นกรอบเวลาต้องไม่สั้นไปหรือยาวเกิน เราต้องเดินทางสายกลาง :3
- จะวิ่งต่อเนื่องโดยเพิ่มเวลาให้นานขึ้น 40 นาที ให้ได้ 4 วัน/สัปดาห์ ภายใน 1 เดือน
- เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย แต่จะแข่งวิ่งมาราธอน 42 กิโลเมตร ให้ได้ภายใน 2 เดือน (เป้ามายไม่สามารถทำให้บรรลุได้)
เมื่อเราตั้งเป้าหมายที่ดี ความท้าทายก็จะมากขึ้น ความสำเร็จก็จะง่ายขึ้น เมื่อความสำเร็จเกิดขึ้นจะทำให้เราเชื่อมั่น ทุ่มเทให้กับเป้าหมายที่เราจะกำหนดขึ้นต่อไปอันใหม่ด้วย แม้จะเหนื่อยหน่อยก็ตาม
Facebook Page: สายสุขภาพ:Saaihealthy
M-Measurable เป้าหมายสามารถวัดผลได้
>>เป้าหมายที่เราตั้งไว้นั้นสามารถวัดได้อย่างชัดเจนหรือไม่ เราอยากกล้ามโต อยากจะลดน้ำหนักไขมัน แล้วอะไรละที่เป็นตัวชี้วัด หรือเครื่องมือที่จะวัดว่าน้ำหนักคุณลด หรือกล้ามคุณใหญ่ขึ้น ถ้าเป้าหมายเหล่านั้นไม่สามารถวัดได้ชัดเจนก็อาจจะบ่งบอกได้ว่า เป้าหมายของคุณไม่เฉพาะเจาะจง แต่ถ้าลองเปลี่ยนเป็นเราจะลดน้ำหนัก 2 กิโลกรัม เรายังสามารถวัดจากเครื่องชั่งออกมาเป็นตัวเลขตามเป้าที่ตั้งไว้ หรือลดไขมันในร่างกาย โดยลดรอบเอวรอบสะโพกลง 1 นิ้ว
A-Attainable เป้าหมายสามารถทำให้บรรลุได้
>>เป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ไกลเกินความพยายามของเราที่ทำได้ คือต้องบอกเลยว่าอย่าไปให้เป้าหมายมันเวอร์เกินไป เช่นจะลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมใน1อาทิตย์ อันนี้ก็เกินไป แค่ 1 อาทิตย์ลดได้ 1 กิโลกรัมก็ถือว่าเก่งมากแล้ว และปลอดภัยต่อสุขภาพของเราด้วย (1เดือน ไม่ควรลดมากกว่า 4 กิโลกรัม นะจ๊ะ)
R-Relevant มีเกี่ยวข้องกับเป้าหมาย
>> จะเกี่ยวข้องกับวิธีการของเราสอดคล้องกับเป้าหมายหรือไม่ อยากจะลดน้ำหนัก 2 กิโลกรัม แต่เอาแต่เล่นเวทเทรนนิ่ง ไม่กำหนดการใช้พลังงานต่อวันหรือคาร์ดิโอ ไม่ว่าจะเป็นอยากจะวิ่งมาราธอนให้ได้ 42k แต่ใช้การฝึกส่วนใหญ่ไปกับการปั่นจักรยานตามระยะของเส้นทาง การฝึกอันนี้ก็จะไม่สอดคล้องกับการวิ่งมาราธอน ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องการฝึกเฉพาะเจาะจงกับกีฬานั้นๆ
T-Time-Bound กรอบเวลาของเป้าหมาย
>>เป้าหมายจะสำเร็จได้ต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจน ถ้ากรอบเวลามันนานไปเราก็จะเฉื่อยชา ยังไงก็ได้ ความท้าทายก็น้อย ผลที่ต้องการก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ากรอบเวลามันสั้นไปก็จะลิ้งเข้ากับหัวข้อที่กล่าวมาต้นๆ ที่มันไม่อยู่ในพื้นฐานความเป็นจริง ดังนั้นกรอบเวลาต้องไม่สั้นไปหรือยาวเกิน เราต้องเดินทางสายกลาง :3
อันนี้จะตัวอย่างยกเป้าหมายที่ดีให้นะครับ เช่น
- ลดน้ำหนักไขมัน 3 กิโลกรัมให้ได้ภายในเวลา 1 เดือน- จะวิ่งต่อเนื่องโดยเพิ่มเวลาให้นานขึ้น 40 นาที ให้ได้ 4 วัน/สัปดาห์ ภายใน 1 เดือน
เป้าหมายที่ไม่ค่อยดี เช่น
- จะลดน้ำหนักไขมัน 3 กิโลกรัมให้ได้ภายในเวลา 5 เดือน (ระยะเวลานานไป)- เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย แต่จะแข่งวิ่งมาราธอน 42 กิโลเมตร ให้ได้ภายใน 2 เดือน (เป้ามายไม่สามารถทำให้บรรลุได้)
เมื่อเราตั้งเป้าหมายที่ดี ความท้าทายก็จะมากขึ้น ความสำเร็จก็จะง่ายขึ้น เมื่อความสำเร็จเกิดขึ้นจะทำให้เราเชื่อมั่น ทุ่มเทให้กับเป้าหมายที่เราจะกำหนดขึ้นต่อไปอันใหม่ด้วย แม้จะเหนื่อยหน่อยก็ตาม
Facebook Page: สายสุขภาพ:Saaihealthy
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น